โดยการมีชีวิตอยู่ การคิดและการทดลองในที่สุดรูปเงาของเราก็สามารถเรียนรู้เรื่องเรขาคณิตระบบ ยุคลิดสอง - มิติจนเข้าใจเป็นอย่างดีได้ ตัวอย่างเช่น เขาอาจพิสูจน์ได้ว่าผลบวกของมุมต่างๆ ในสามเหลี่ยมคือ 180 องศาเป็นจริง เขาสามารถสร้างวงกลมสองวงที่มีจุดศูนย์กลางเดียวกันโดยที่วงหนึ่งเล็กมาก อีกวงหนึ่งใหญ่ได้ เขาจะพบว่าอัตราส่วนของเส้นรอบวงของวงกลมแบบนั้นสองวงเท่ากับอัตราส่วนของ รัศมีของมัน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเรขาคณิตระบบยุคลิดอีกครั้ง ถ้าจอภาพยนตร์มีขนาดใหญ่โตอย่างไม่จำกัด สิ่งมีชีวิตเงาเหล่านี้จะพบว่าพอเริ่มเดินทางตรงไปข้างหน้าแล้ว เขาก็จะไม่มีวันกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นของเขาอีก
ตอนนี้เราลองนึกภาพสัตว์โลกสอง - มิติเหล่านี้ซึ่งอาศัยอยู่ในสภาพที่เปลี่ยนไป เราลองนึกภาพว่าใครคนหนึ่งจากภายนอกซึ่งเป็น “มิติที่สาม” ที่ย้ายตัวเขาจากจอภาพยนตร์ไปที่พื้นผิวของทรงกลมที่รัศมีมีขนาดใหญ่โตมาก ถ้าเขาเหล่านี้เล็กมากเมื่อเทียบกับพื้นผิวทั้งหมด ถ้าเขาไม่มีเครื่องมือสื่อสารทางไกลและเคลื่อนที่ได้ไม่ไกลมาก ดังนั้นเขาจะไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น ผลบวกของมุมในสามเหลี่ยมเล็กๆยังรวมแล้วเท่ากับ 180 องศา วงกลมเล็กๆ สองวงที่มีจุดศูนย์กลางเดียวกันยังแสดงว่าอัตราส่วนของรัศมีและเส้นรอบวงของ มันเท่ากัน การเดินทางตามแนวเส้นตรงจะไม่มีวันนำเขากลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีก
แต่ให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้หลังจากช่วงเวลาหนึ่งพัฒนาความรู้เชิงเทคนิคและ เชิงทฤษฏีของเขาให้เขาพบเครื่องมือสื่อสารซึ่งจะทำให้เขาสามารถครอบคลุมระยะ ทางมากๆ ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจะพบว่าการเริ่มเดินทางตรงไปข้างหน้าในที่สุดเขาจะกลับคืนสู่จุด เริ่มต้นของเขา “ตรงไปข้างหน้า” หมายถึงตามแนววงกลมที่มีขนาดใหญ่โตของทรงกลม เขาจะพบด้วยว่าอัตราส่วนของวงกลมสองวงที่มีจุดศูนย์กลางเดียวกันไม่เท่ากับอัตราส่วนของรัศมี ถ้ารัศมีหนึ่งเล็กและอีกรัศมีหนึ่งใหญ่มาก
ถ้าสัตว์โลกสอง - มิติของเราอนุรักษ์นิยมถ้าเขาได้เรียนรู้เรขาคณิตระบุยุคลิดเป็นเวลาหลาย ชั่วอายุคนมาแล้ว เมื่อเขาเดินทางได้ไม่ไกลและเมื่อเรขาคณิตนี้เข้ากันได้กับข้อเท็จจริงที่ เขาสังเกตเห็น แน่นอนว่าเขาจะพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ที่จะรักษามันไว้ แม้ว่าจะมีหลักฐานการวัดต่างๆของเขา เขาอาจพยายามที่จะทำให้ฟิสิกส์แบกรับภาระและความไม่สอดคล้องตรงกันเหล่านี้ ได้ เขาอาจพยายามหาเหตุผลเชิงฟิสิกส์บางอย่าง ตีเสียว่าความแตกต่างของอุณหภูมิ ซึ่งทำให้เส้นผิดรูปร่างไปและเป็นสาเหตุของการเบี่ยงเบนไปจากเรขาคณิตระบบ ยุคลิด แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องพบว่ามีวิธีการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ที่น่าเชื่อตาม และมีตรรกะมากกว่ามาก ท้ายที่สุดเขาจะเข้าใจว่าโลกของเขาเป็นโลกที่มีขอบเขตจำกัดซึ่งมีหลักการ เชิงเรขาคณิตที่ต่างจากหลักการที่เขาได้เรียนรู้มา ทั้งๆที่เขาไม่สามารถนึกภาพมันได้ เขาจะเข้าใจว่าโลกขงเขาเป็นพื้นผิวสอง - มิติของทรงกลม ในไม่ช้าเขาจะเรียนรู้หลักการเชิงเรขาคณิตใหม่ๆ ซึ่งแม้ว่าจะต่างจากระบบยุคลิด แต่อย่างไรก็ตามอาจถูกกำหนดในลักษณะที่มีตรรกะ และสอดคล้องกันเท่าๆ กันได้สำหรับโลกสอง - มิติของเขา เนื่องจากคนรุ่นใหม่ถูกอบรมเลี้ยงดูด้วยความรู้ของเรขาคณิตของทรงกลม เรขาคณิตระบบยุคลิดแบบเก่า จะดูเหมือนว่ายุ่งยากและไม่เป็นธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากมันเข้ากันไม่ได้กับข้อเท็จจริงที่เขาสังเกตเห็น
เราจะลองกลับไปพูดเรื่องสัตว์โลกสาม - มิติของโลกของเรา
คำกล่าวที่ว่าอวกาศสาม - มิติของเรามีลักษณะเฉพาะแบบยุคลิดหมายความว่าอย่างไร? ความหมายก็คือว่าการ ทดลองจริงๆ อาจยืนยันคำกล่าวเกี่ยวกับเรขาคณิตระบบยุคลิดทั้งมวลที่ได้รับการพิสูจน์ อย่างมีตรรกะว่าเป็นจริงได้ด้วย โดยอาศัยวัตถุแข็งเกร็งหรือรังสีแสง เราอาจสร้างวัตถุที่สอดคล้องกับวัตถุเชิงอุดมคติของเรขาคณิตระบบยุคลิดได้ ขอบไม้บรรทัดหรือรังสีแสงสอดคล้องกับเส้น ; ผลบวกของมุมของสามเหลี่ยมที่ถูกสร้างด้วยไม้แข็งเกร็งบางๆ คือ 180 องศา ; อัตราส่วนของรัศมีของวงกลมสองวงที่มีจุดศูนย์กลางเดียวกันที่ถูกสร้างขึ้น จากเส้นลวดบางที่ไม่อาจตัดให้ตรงได้ เท่ากับอัตราส่วนของเส้นรอบวงของมัน ถ้าตีความในลักษณะนี้ เรขาคณิตระบบยุคลิดจะกลายเป็นบทหนึ่งของฟิสิกส์ แม้ว่าจะเป็นบทที่ง่ายมาก
แต่เราอาจนึกภาพว่าเราได้ค้นพบความไม่สอดคล้องตรงกันแล้วเช่นนึกภาพว่าผลบวก ของมุมของสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นจากไม้วัด ซึ่งด้วยเหตุผลหลายประการจะต้องถูกมองว่าแข็งเกร็ง นั้นไม่ใช่ 180 องศา เนื่องจากเราคุ้นแล้วกับความคิดเกี่ยวกับการนำเสนอที่เป็นรูปธรรมของวัตถุ ของเรขาคณิตระบบยุคลิดด้วยวัตถุแข็งเกร็ง เราน่าจะพยายามหาแรงเชิงฟิสิกส์บางอย่างที่เหมือนเป็นสาเหตุของความประพฤติ ผิดที่คาดไม่ถึงเช่นนั้นของไม้วัดของเรา เราน่าจะพยายามหาธรรมชาติเชิงฟิสิกส์ของแรงๆ นี้ และอิทธิพลของมันที่มีต่อปรากฏกราณ์อื่นๆ เพื่อรักษาเรขาคณิตระบบยุคลิดไว้ เราน่าจะกล่าวหาว่าวัตถุไม่แข็งเกร็งและไม่ค่อยสอดคล้องกับวัตถุของเรขาคณิต ระบบยุคลิด เราน่าะพยายามหาการนำเสนอที่ดีกว่าเกี่ยวกับวัตถุที่ประพฤติตัวในลักษณะที่ เรขาคณิตระบบยุคลิดคาดหมายไว้ แต่ถ้าเราไม่น่าจะประสบความสำเร็จในการรวมเรขาคณิตระบบยุคลิดและฟิสิกส์เข้า ด้วยกันเป็นภาพที่ง่ายและสอดคล้องกัน เราน่าจะต้องเลิกล้มความคิดที่ว่าอวกาศของเราเป็นระบบยุคลิดและพยายามที่จะ หาภาพของความเป็นจริงที่น่าเชื่อตามกว่าโดยใช้สมมติฐานที่ทั่วไปมากกว่า เกี่ยวกับลักษณะเฉพาะเชิงเรขาคณิตของอวกาศของเรา
เราอาจแสดงให้เห็นความจำเป็นของสิ่งนี้ได้ด้วยการทดลองเชิงอุดมคติ ซึ่ง แสดงว่าที่จริงฟิสิกส์เชิงสัมพัทธภาพไม่อาจอิงกับเรขาคณิตระบบยุคลิดได้ การให้เหตุผลของเราจะแฝงความหมายผลลัพธ์ซึ่งเราได้เรียนรู้ไปแล้วเกี่ยวกับ รพ เฉื่อย และทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษ
นึกภาพจานขนาดใหญ่ที่เราเขียนรูปวงกลมสองวงที่มีจุดศูนย์กลางเดียวกันไว้บน จานนี้ วงหนึ่งเล็กมากอีกวงหนึ่งมีขนาดใหญ่มาก จานหมุนอย่างรวดเร็ว จานกำลังหมุนสัมพัทธ์กับผู้สังเกตภายนอกและมีผู้สังเกตภายในอยู่บนจาน เราสมมติต่อไปอีกว่า รพ ของผู้สังเกตภายนอกเป็นระบบเฉื่อย ใน รพ เฉื่อยของเขาผู้สังเกตภายนอกอาจจะเขียนรูปวงกลมสองวงเหมือนกัน ซึ่งมีขนาดเล็กและใหญ่ และอยู่นิ่งใน รพ ของเขา แต่ทับ
กันสนิทกับวงกลมที่อยู่บนจานที่หมุน เรขาคณิตระบบยุคลิดถูกต้องใน รพ ของเขาเนื่องจากมันเฉื่อย ดังนั้นเขาจะพบว่าอัตราส่วนของเส้นรอบวงเท่ากับอัตราส่วนของรัศมี แต่ผู้สังเกตที่อยู่บนจานล่ะจะเป็นอย่างใร? จากทรรศนะของฟิสิกส์ยุคเก่าและทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษด้วย รพ ของเขาเป็นระบบที่ต้องห้าม แต่ถ้าเราตั้งใจจะหารูปแบบใหม่ๆ สำหรับกฎเชิงฟิสิกส์ซึ่งถูกต้องใน รพ ใดๆ ดังนั้นเราจะต้องปฏิบัติต่อผู้สังเกตที่อยู่บนจานและผู้สังเกตที่อยู่ภายนอก ด้วยความจริงจังเท่ากัน จากภายนอกตอนนี้เรากำลังเฝ้าสังเกตผู้สังเกตภายใน ในความพยายามของเขาที่จะหาเส้นรอบวงและรัศมีบนจานที่หมุนโดยการวัด เขาใช้ไม้วัดอันเล็กๆ เหมือนกับที่ผู้สังเกตภายนอกใช้ "เหมือนกับ" หมายความว่าเป็นอันเดียวกันจริงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผู้สังเกตภายนอกยื่นให้ผู้สังเกตภายใน หรือไม้วัดอันหนึ่งในสองอันที่มีความยาวเท่ากันเมื่ออยู่นิ่งใน รพ หนึ่ง
ผู้สังเกตภายในที่อยู่บนจานเริ่มวัดรัศมีและเส้นรอบวงของวงกลมวงเล็ก ผลลัพธ์ของเขาจะต้องเหมือนกับผลลัพธ์ของผู้สังเกตภายนอก จานหมุนที่อยู่บนแกนที่ผ่านทะลุจุดศูนย์กลาง ส่วนของจานที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางนั้นมีความเร็วน้อยมาก ถ้าวงกลมเล็กพอ เราอาจใช้กลศาสตร์ยุคเก่าได้อย่างแน่นอนและไม่แยแสใส่ใจทฤษฏีสัมพัทธภาพ พิเศษได้ นี่ก็หมายความว่าไม้วัดมีความยาวเท่ากันสำหรับผู้สังเกตภายนอกและภายใน และผลของการวัดสองแบบนี้จะเหมือนกันสำหรับเขาทั้งสอง ตอนนี้ผู้สังเกตที่อยู่บนจานวัดรัศมีของวงกลมใหญ่ เมื่อเราวางไม้วัดบนรัศมีสำหรับผู้สังเกตภายนอกไม้วัดเคลื่อนที่ แต่ไม้วัดเช่นนั้นไม่ได้หดตัว และจะมีความยาวเหมือนกันสำหรับผู้สังเกตทั้งสอง เนื่องจากทิศของการเคลื่อนที่ตั้งฉากกับไม้วัด การวัดสามแบบจึงเหมือนกันสำหรับผู้สังเกตทั้งสอง คือรัศมีสองเส้นและเส้นรอบวงวงเล็ก แต่กับการวัดที่สี่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น! ความยาวของเส้นรอบวงวงใหญ่จะต่างกันสำหรับผู้สังเกตทั้งสอง ไม้วัดที่เราวางไว้บนเส้นรอบวงในทิศทางของการเคลื่อนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะหด ตัวสำหรับผู้สังเกตภายนอกถ้าเทียบกับไม้วัดที่อยู่นิ่งของเขา ความเร็วมากกว่าความเร็วของวงกลมในมากและควรจะนำการหดตัวนี้มาพิจารณา ดังนั้นเราใช้ผลลัพธ์ของทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษ ข้อสรุปของเราในที่นี้ก็คือความยาวของเส้นรอบวงวงใหญ่จะต้องต่างกันถ้าวัด โดยผู้สังเกตทั้งสอง เนื่องจากมีเพียงหนึ่งในความยาวทั้งสี่ที่ถูกวัดโดยผู้สังเกตทั้งสองเท่า นั้นที่ไม่เหมือนกันสำหรับเขาทั้งสอง อัตราส่วนของรัศมีสองเส้นจะไม่เท่ากับอัตราส่วนของเส้นรอบวงสองเส้นสำหรับ ผู้สังเกตภายในอย่างที่มันเป็นสำหรับผู้สังเกตภายนอก นี่ก็หมายความว่าผู้สังเกตที่อยู่บนจานไม่อาจยืนยันความถูกต้องของเรขาคณิต ระบบยุคลิดได้ใน รพ ของเขา
หลังจากที่ได้ผลลัพธ์นี้ ผู้สังเกตที่อยู่บนจานอาจพูดได้ว่าเขาไม่อยากจะพิจารณา รพ ซึ่งเรขาคณิตระบบยุคลิดไม่ถูกต้อง ความล้มเหลวของเรขาคณิตระบบยุคลิดเป็นผลมาจากการหมุนสัมบูรณ์ เป็นผลมาจากความจริงที่ว่า รพ ของเขาไม่ดีและเป็นระบบที่ต้องห้าม แต่ในการพูดโต้แย้งในลักษณะนี้ เขาปฏิเสธความคิดที่สำคัญที่สุดของทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไป ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราอยากจะปฏิเสธการเคลื่อนที่สัมบูรณ์ และเก็บรักษาความคิดเกี่ยวกับทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปไว้ ดังนั้นจะต้องสร้างฟิสิกส์ทั้งหมดอยู่บนรากฐานของเรขาคณิตที่ทั่วไปกว่า เรขาคณิตระบบยุคลิด ไม่มีทางหนีจากผลลัพธ์นี้ถ้าอนุญาติให้ใช้ รพ ทั้งมวล
การเปลี่ยนแปลงที่ทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปทำให้เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่ใน อวกาศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษ เรามีนาฬิกาที่อยู่นิ่งใน รพ ทุกระบบซึ่งมีจังหวะเดียวกันและถูกตั้งเวลาให้ตรงกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือแสดงเวลาเดียวกันพร้อมกัน เกิดอะไรขึ้นกับนาฬิกาที่อยู่ใน รพ ที่ไม่เฉื่อย? การทดลองเชิงอุดมคติซึ่งใช้จานจะมีประโยชน์อีกครั้ง ผู้สังเกตภายนอกมีนาฬิกาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้อยู่ใน รพ เฉื่อยของเขา ทั้งหมดมีจังหวะเดียวกัน ทั้งหมดถูกตั้งเวลาให้ตรงกัน ผู้สังเกตภายในหยิบนาฬิกาแบบเดียวกันสองเรือนออกมาและวางเรือนหนึ่งไว้บนวง กลมวงในวงเล็ก และอีกเรือนหนึ่งวางไว้บนวงกลมวงนอกวงใหญ่ นาฬิกาที่อยู่บนวงกลมในมีความเร็วน้อยมากสัมพัทธ์กับผู้สังเกตภายนอก ดังนั้นเราอาจสรุปได้อย่างแน่นอนว่าจังหวะของมันจะเหมือนกับจังหวะของนาฬิกา ภายนอก แต่นาฬิกาที่อยู่บนวงกลมวงใหญ่มีความเร็วสูงมากซึ่งจะเปลี่ยนจังหวะของมัน ถ้าเทียบกับนาฬิากาของผู้สังเกตภายนอกและดังนั้นถ้าเทียบกับนาฬิกาที่วางไว้ บนวงกลมวงเล็กด้วย ดังนั้นนาฬิกาที่หมุนสองเรือนจะมีจังหวะที่ต่างกันซึ่งถ้าใช้ผลลัพธ์ของ ทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษ เราจะเห็นอีกครั้งว่าใน รพ ที่หมุนของเราอาจไม่ต้องเตรียมการที่คล้ายกับการเตรียมการใน รพ เฉื่อยได้
การทำให้กระจ่างชัดเจนว่าข้อสรุปอะไรที่เราจะได้จากการทดลองเชิงอุดมคตินี้ และที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ เราลองอ้างการสนทนาระหว่าง นักฟิสิกส์สมัยเก่า ก ซึ่งเชื่อในฟิสิกส์ยุคเก่า และนักฟิสิกส์สมัยใหม่ ม ซึ่งเข้าใจทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปอีกครั้งหนึ่ง ก เป็นผู้สังเกตภายนอกซึ่งอยู่ใน รพ เฉื่อย ส่วนที่ ม อยู่บนจานที่หมุน
ก. ใน รพ ของคุณ เรขาคณิตระบบยุคลิดไม่ถูกต้อง ฉันเฝ้าสังเกตการวัดของคุณ และฉันเห็นด้วยว่าใน รพ ของคุณ อัตราส่วนของเส้นรอบวงสองเส้นไม่เท่ากับอัตราส่วนของรัศมีสองเส้น แต่สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า รพ ของคุณเป็นระบบที่ต้องห้าม แต่ รพ ของฉันมีลักษณะเฉพาะเชิงเฉื่อย และฉันอาจใช้เรขาคณิตระบบยุคลิดได้อย่างแน่นอน จานของคุณกำลังเคลื่อนที่อย่างสัมบูรณ์และจากทรรศนะของฟิสิกส์ยุคเก่าเป็น รพ ที่ต้องห้าม ซึ่งกฏของกลศาสตร์ไม่ถูกต้อง
ม. ฉันไม่ต้องการได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่สัมบูรณ์ รพ ของฉันก็ดีพอๆ กับของคุณเลย สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นก็คือการหมุนของคุณสัมพัทธ์กับจานของฉัน ไม่มีใครจะห้ามฉันให้โยงการเคลื่อนที่ทั้งหมดเข้ากับจานของฉันได้
ก.แต่ คุณไม่รู้สึกว่ามีแรงประหลาดซึ่งพยายามที่จะทำให้คุณห่างออกไปจากจุดศูนย์ กลางของจานหรือ? ถ้าจานของคุณไม่ใช่ม้าหมุนที่หมุนอย่างรวดเร็วทั้งสองสิ่งซึ่งคุณสังเกตเห็น จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าคุณไม่ได้สังเกตเห็นแรงที่ดันคุณออกไปภายนอกและถ้าคุณไม่ได้สังเกตเห็น ว่าเรขาคณิตระบบยุคลิดใช้ได้ใน รพ ของคุณ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณเชื่อว่า รพ ของคุณกำลังเคลื่อนที่แบบสัมบูรณ์หรือ?
ม.ไม่ จริงเลย! ฉันสังเกตเห็นข้อเท็จจริงทั้งสองอย่างที่คุณพูดถึงอย่างแน่นอน แต่ฉันเชื่อว่าสนามโน้มถ่วงประหลาดที่กระทำต่อจานของฉันเป็นต้นเหตุของมัน ทั้งสอง สนามโน้มถ่วงซึ่งชี้ไปทางด้านนอกของจานจะเปลี่ยนรูปร่างไม้วัดที่แข็งเกร็ง ของฉัน และเปลี่ยนจังหวะของนาฬิกาของฉัน สำหรับฉันสนามโน้มถ่วง เรขาคณิตนอกระบบยุคลิด นาฬิกาที่มีจังหวะที่ต่างกัน ทั้งหมดมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างมาก ถ้ายอมรับ รพ ใดๆ ในเวลาเดียวกันฉันจะต้องสมมติถึงการมีอยู่จริงของสนามโน้มถ่วงที่เหมาะสมพร้อมกับอิทธิพลของมันที่มีต่อไม้วัดแข็งเกร็งและนาฬิกา
ก. แต่คุณรู้ถึงเรื่องยุ่งยากต่างๆที่ทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปของคุณสร้างขึ้น หรือไม่? ฉันอยากทำให้ข้อคิดเห็นของฉันกระจ่างชัดเจน โดยยกตัวอย่างง่ายๆ ที่ไม่ใช่เชิงฟิสิกส์ นึกภาพเมืองชาวอเมริกันเชิงอุดมคติที่ประกอบด้วยถนนที่ขนานกันพร้อมกับถนน ใหญ่ขนานกันซึ่งทอดผ่านตั้งฉากกับถนน ระยะทางระหว่างถนนและระหว่างถนนขนาดใหญ่ด้วยจะเท่ากันเสมอ เพื่อให้สมมติฐานเหล่านี้เป็นจริง ช่วงถนนต่างๆมีขนาดเดียวกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน ในลักษณะนี้ฉันอาจระบุตำแหน่งของช่วงถนนใดๆได้อย่างง่ายดาย แต่การก่อสร้างเช่นนั้นจะทำไม่ได้โดยไม่มีเรขาคณิตระบบบุคลิด ยกตัวอย่าง เช่นเราจึงไม่อาจครอบคลุมโลกทั้งโลกของเราด้วยเมืองชาวอเมริกันเชิงอุดมคติ ขนาดใหญ่หนึ่งเมืองได้ คนที่มองมายังโลกจะทำให้คุณเชื่อได้ แต่เราก็ไม่อาจครอบคลุมจานของคุณด้วย “การก่อสร้างเมืองชาวอเมริกัน” เช่นนั้นได้เหมือนกัน คุณอ้างว่าสนามโน้มถ่วงเปลี่ยนรูปร่างไม้วัดของคุณ ข้อเท็จจริงที่ว่าคุณไม่อาจยืนยันทฤษฏีบทของยุคลิดเกี่ยวกับความเท่ากันของอัตราส่วนของรัศมีและเส้นรอบวงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถ้าคุณดำเนินการก่อ สร้างถนนและถนนขนาดใหญ่เช่นนั้นไปไกลพอ ไม่ช้าก็เร็วคุณจะเริ่มประสบเรื่องยุ่งยาก และพบว่ามันไม่ได้ทำบนจานของคุณ เรขาคณิตของคุณบนจานที่หมุนของคุณเหมือนกันกับเรขาคณิตบนพื้นผิวโค้ง ซึ่งแน่ละการก่อสร้างถนน - และ – ถนนขนาดใหญ่ทำไม่ได้บนส่วนของพื้นผิวที่มีขนาดใหญ่พอ สำหรับตัวอย่างเชิงฟิสิกส์มากขึ้นก็คือใช้ระนาบที่เราทำให้ร้อนอย่างไม่สม่ำ เสมอซึ่งมีอุณหภูมิที่ต่างกันบนส่วนที่ต่างกันของพื้นผิว ด้วยไม้วัดเหล็กอันเล็กๆ ที่ความยาวขยายตัวไปกับอุณหภูมิ คุณจะดำเนินการก่อสร้างแบบ “ขนาน-ตั้งฉาก” ซึ่งฉันได้เขียนรูปไว้ข้างล่างนี้ได้หรือไม่? ไม่ได้แน่! “สนามโน้มถ่วง” ของคุณจะเล่นตลกอย่างเดียวกันกับไม้วัดของคุณอย่างที่การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเล่นตลกกับไม้วัดเหล็กเล็กๆ
ม. ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้ฉันกลัว การก่อสร้างถนน - ถนนขนาดใหญ่เราจำเป็นต้องกำหนดตำแหน่งของจุดพร้อมกับนาฬิกาเพื่อเรียงลำดับ เหตุการณ์เมืองนี้ไม่จำเป็นต้องเป็น
ก. แต่ฉันยังเห็นเรื่องยุ่งยากอยู่ คุณถูกบังคับให้ใช้ “โครงสร้างเมืองชาวยุโรป” ของคุณ ฉันเห็นด้วยว่าคุณอาจเรียงลำดับจุดหรือเหตุการณ์ต่างๆได้ แต่การก่อสร้างนี้จะทำให้การวัดระยะทางต่างๆ อยู่ในสภาพสับสนวุ่ยวาย มันจะไม่ให้คุณสมบัติเชิงเมตริกของอวกาศกับคุณอย่างที่การก่อสร้างของฉัน ให้ ชาวอเมริกันซึ่งอาจนับว่าโชคดีก็ได้ ที่เป็นชาวยุโรปโบราณ นึกภาพเมืองเชิงอุดมคติของคุณว่าทำขึ้นจากดินน้ำมันและแล้วก็ถูกเปลี่ยนรูป ร่าง ฉันอาจยังนับจำนวนช่วงถนนและจำถนนและถนนขนาดใหญ่ได้ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ตรงและมีระยะทางเท่ากันอีกต่อไป ในทำนองเดียวกันบนโลกของเรา เส้นลองจิจูดและเส้นละติจูดบ่งบอกถึงตำแหน่งของจุด
ต่างๆ แม้ว่าไม่ได้มีการก่อสร้าง “เมืองชาวอเมริกัน” ยกตัวอย่าง ในเมืองชาวอเมริกันของฉัน ฉันรู้ว่าการเดินสิบช่วงถนน ฉันจะต้องครอบคลุมระยะทางเป็นสองเท่าของห้าช่วงถนน เนื่องจากฉันรู้ว่าช่วงถนนทั้งหมดเท่ากัน ฉันอาจกำหนดระยะทางต่างๆได้ในทันที
ม. นั่นก็จริงนะ ในโครงสร้าง “เมืองชาวยุโรป” ของฉัน ฉันไม่อาจวัดระยะทางต่างๆ ในทันทีโดยใช้จำนวนของช่วงถนนที่ถูกเปลี่ยนรูปร่างได้ ฉันจะต้องรู้อะไรบางอย่างมากกว่านั้นคือฉันจะต้องรู้คุณสมบัติเชิงเรขาคณิต ของพื้นผิวของฉัน ในลักษณะเดียวกับที่ทุกคนรู้ว่าจากเส้นลองจิจูด ถึง บนเส้นศูนย์สูตร ไม่ใช่ระยะทางเดียวกับจากเส้นลองจิจูด ถึง ใกล้ขั้วโลกเหนือ แต่นักบินทุกคนรู้ว่าจะกะระยะทางระหว่างจุดเช่นนั้นสองจุดบนโลกของเราได้ อย่างไร เพราะว่าเขารู้ว่าคุณสมบัติเชิงเรขาคณิตของมัน เขาอาจทำมันได้โดยการคำนวณที่อิงกับความรู้เกี่ยวกับตรีโกณมิติเชิงทรงกลม หรือเขาอาจทำมันในเชิงการทดลองได้โดยการกางใบเรือแล่นผ่านระยะทางสองระยะนี้ ที่อัตราเร็วเดียวกัน ในกรณีของคุณปัญหาทั้งหมดเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะว่าถนนและถนนขนาดใหญ่ทั้งหมดห่างกันเป็นระยะทางเท่ากัน ในกรณีของโลกของเรามันยุ่งยากกว่านั้น ; เส้นเมอริเดียนสองเส้น และ พบกันที่ขั้วของโลก และอยู่ห่างกันไกลที่สุดบนเส้นศูนย์สูตร ในทำนองเดียวกันใน “โครงสร้างเมืองชาวยุโรป” ของฉัน ฉันจะต้องรู้อะไรบางอย่างมากกว่าคุณที่อยู่ใน “โครงสร้างเมืองชาวอเมริกัน” ของคุณ เพื่อที่จะกำหนดระยะทางต่างๆ ฉันอาจได้ความรู้เพิ่มเติมนี้เพิ่มมาได้โดยการศึกษาคุณสมบัติเชิงเรขาคณิต ของคอนตินิวอัมของฉันในกรณีโดยเฉพาะทุกกรณี
ก. แต่ทั้งหมดนี้เพียงอยากแสดงให้เห็นว่ามันไม่สะดวกและยุ่งยากเพียงใดที่จะ เลิกใช้โครงสร้างง่ายๆ ของเรขาคณิตระบบยุคลิด สำหรับนั่งร้านที่ซับซ้อนซึ่งคุณถูกผูกมัดให้ใช้ สิ่งนี้จำเป็นจริงๆ หรือ?
ม. ฉันเกรงว่าเป็นเช่นนั้น ถ้าเราต้องการประยุกต์ฟิสิกส์ของเราไปใช้กับ รพ ใดๆ โดยไม่มี รพ เฉื่อยที่ลึกลับ ฉันเห็นด้วยว่าเครื่องมือเชิงคณิตศาสตร์ของฉันยุ่งยากกว่าของคุณ แต่สมมติฐานเชิงฟิสิกส์ของฉันเรียบง่ายกว่าและเป็นธรรมชาติกว่า
การอภิปรายถูกกำหนดให้อยู่ในคอนตินิวอัมสอง - มิติ ประเด็นที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปยุ่งยากขึ้นไป อีก เนื่องจากมันไม่ใช่สอง - มิติ แต่เป็นคอนตินิวอัมเวลา - อวกาศสี่ - มิติ แต่ความคิดเหมือนกับความคิดที่เราได้ร่างภาพคร่าวๆ ไว้ในกรณีสอง - มิติ เราไม่อาจใช้นั่งร้านเชิงกลของท่อนไม้ที่ขนานและตั้งฉากกัน และนาฬิกาที่ถูกตั้งเวลาให้ตรงกันในทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปเหมือนในทฤษฏีสัม พัทธภาพพิเศษได้ ใน รพ ที่ไม่เจาะจงเราไม่อาจกำหนดจุดและเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยการใช้ไม้วัด แข็งเกร็ง นาฬิกาที่มีจังหวะสม่ำเสมอและถูกตั้งเวลาให้ตรงกันเหมือนใน รพ เฉื่อยของทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษได้ เราอาจยังเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆได้ ด้วยไม้วัดของระบบยุคลิดของเราและนาฬิกาที่จังหวะไม่ตรงกันของเราได้ แต่การวัดจริงๆ ที่กำหนดให้ต้องมีไม้วัดแข็งเกร็งและนาฬิกาที่มีจังหวะสม่ำเสมอและถูกตั้ง เวลาให้ตรงกันที่สมบูรณ์ เราอาจทำได้ใน รพ เฉื่อยเฉพาะที่เท่านั้น สำหรับสิ่งนี้ทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษทั้งทฤษฏีถูกต้อง ; แต่ รพ ที่ “ดี” ของเราเป็นเพียงเฉพาะที่เท่านั้น ลักษณะเฉพาะเชิงเฉื่อยของมันถูกจำกัดในอวกาศและเวลา แม้แต่ใน รพ ที่ไม่เจาะจงของเรา เราอาจคาดผลของการวัดที่ถูกกระทำใน รพ เฉื่อยเฉพาะที่ล่วงหน้าได้ แต่สำหรับสิ่งนี้เราจะต้องรู้ลักษณะเฉพาะเชิงเรขาคณิตของคอนตินิวอัมเวลา - อวกาศของเรา
การทดลองเชิงอุดมคติของเราชี้ให้เห็นเพียงลักษณะเฉพาะทั่วไปของฟิสิกส์เชิง สัมพัทธภาพแบบใหม่เท่านั้น มันแสดงให้เราเห็นว่าปัญหาพื้นฐานของเราก็คือ ปัญหาของความโน้มถ่วง มันแสดงให้เราเห็นด้วยว่าทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปนำไป สู่การวางหลักเกณฑ์ทั่วไปของแนวความคิดเชิงเวลาและเชิงอวกาศที่ไปไกลกว่า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น